5/22/2558

ที่นั่งของตำรวจ

::: ‪ซีรีย์‬ "‪โตขึ้นผมจะเป็นตำรวจ‬" :::

:::‪ 3rd ‬:::

:::‪ ที่นั่งของตำรวจ :::

.

หลังจากที่ให้ลองเลือกโซฟาในตอนก่อนกันไปแล้ว  บทนี้ก็มาอ่านคำตอบกันดูครับว่า  โซฟาที่แต่ละคนเลือกบ่งบอกอะไรบ้าง

มาไล่ดูกันทีละตัว

.

แบบA  ผู้ใส่ใจ

คุณเป็นคนประเภทที่สามารถนั่งฟังเรื่องราวชีวิตของใครสักคนได้ทั้งวัน  วิถีชีวิตของผู้คนดึงดูดใจคุณเสมอ  คุณสนใจในคนอื่นๆ โดยธรรมชาติ  ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณดูเหมือนเป็นพวกอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านเขาสักหน่อย  คนอื่นๆ มองว่าคุณใช้ชีวิตแบบเรื่อยเฉื่อยไม่สนใจโลก  นิ่ง  ขรึม  ไม่น่าคบหาเลย  แต่ที่จริงแล้วคุณเป็นคนที่กระตือรือร้นและช่างคิดวิเคราะห์  พฤติกรรมของมนุษย์เป็นสิ่งที่น่าค้นหาอย่างยิ่งสำหรับคุณ  และคุณก็หลงใหลสิ่งนี้เอามากๆ  คุณแพ้ทางคนที่มีนิสัยเหมือนกัน  เรียกว่าไม่ชอบให้คนรู้ทันก็ไม่ผิด
 
ลักษณะงานที่เหมาะสมกับคุณคือ  นักจิตวิทยา  นักสังคมสงเคราะห์  นักสืบ  หรืองานอื่นๆ ที่ต้องใช้ทักษะในการพูดคุยติดต่อสื่อสารหรือค้นหาความจริง

.

แบบB  ผู้ลึกซึ้ง

คุณสามารถนั่งอ่านหนังสือยากๆ และมีเนื้อหาที่ซับซ้อนได้ทั้งวัน  มักหมกมุ่นอยู่กับการใช้ความคิด ยิ่งลึก  ยิ่งซับซ้อน  คุณก็ยิ่งชอบ  คนอื่นๆ มองว่าคุณเป็นคนไม่สนโลก  แต่จริงๆ แล้วเรื่องความจริงของโลกหรือสัจธรรมแท้ๆของโลกนี่แหล่ะที่คุณสนใจจนไม่แยแสเรื่องไร้สาระที่คนอื่นสนใจกัน  เมื่อคุณสนใจสิ่งใด  คุณจะยิ่งศึกษาเรื่องนั้นๆ อย่างลึกซึ้งจนรู้แจ้งเห็นจริง  ชนิดที่ว่ากล้านำไปถกเถียงกับคนที่เรียกว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ ซะอีก

ลักษณะงานที่เหมาะสมกับคุณคือ  นักวิชาการ  ครูอาจารย์  นักเขียน  นักโบราณคดี  งานที่ต้องค้นคว้า

.

แบบC  ผู้เฉียบแหลม

คุณเป็นคนที่สามารถให้ความบันเทิงกับคนอื่นๆ ได้ทั้งวันด้วยมุกตลกที่ยอดเยี่ยม  คุณรู้จังหวะในการพูด  และเชื่อว่าคนเราต้องแสดงให้ผู้อื่นเห็นความสามารถในจังหวะที่เหมาะสมที่สุด  เพื่อที่เขาจะได้เห็นอะไรดีๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ  คนอื่นๆ มองว่าคุณวางมาด  ขี้เก๊ก  และคุณก็มักยอมรับว่าคุณเป็นแบบนั้นจริงๆ  คุณสามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆรอบตัวได้อย่างง่ายดาย  และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของคุณเสมอ

อาชีพ : นักวิจารณ์  นักพูด  นักขาย  นักการตลาด

.

แบบD  ผู้สร้างสรรค์

คุณเป็นคนที่นั่งวางแผนโครงการต่างๆ ได้ทั้งวัน  การค้นพบและความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบ  โดยมากแล้วคุณมีงานอดิเรกที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย คนอื่นอาจมองว่าคุณเป็นคนหมกมุ่น  ซึ่งมันก็จริง  แต่คุณสามารถบริหารมันได้อย่างพอเหมาะ  คุณชอบการทดลอง  การเรียนรู้  และการนั่งคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างด้วยโจทย์ที่ว่า  มันสามารถดีกว่านี้ได้
อาชีพ : นักวิทยาศาสตร์  ครีเอทีฟ  นักการเมือง

.

แบบE  นักผจญภัย

คุณเป็นคนที่สามารถมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินหรือรถไฟได้อย่างไม่มีวันเบื่อ  ความแปลกใหม่คือสิ่งที่คุณค้นหาเสมอ  อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นคน  งาน  สถานที่  จะดึงดูดให้คุณสนใจเสมอ  คนอื่นมองว่าคุณเป็นพวกไม่ยอมหลับยอมนอน  ซึ่งมันก็จริง  เพราะคุณชอบเที่ยว  และที่สำคัญเจ้าชู้ด้วย  คุณชอบการเดินทาง  และคิดว่าช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในการเดินทางคือช่วงระหว่างการเดินทาง  ไม่ใช่การไปถึงจุดหมายของการเดินทาง

อาชีพ : นักบิน  นักสำรวจ  งานที่ต้องเดินทาง

.

แบบF  นักคิด

คุณเป็นคนที่สามารถนั่งอยู่ที่ใดที่หนึ่งได้เป็นเวลานานๆ โดยไม่เบื่อ  และไม่ค่อยถูกใจคนที่อยู่นิ่งๆ ไม่เป็น  โลกใบนี้คือความบันเทิง  มีเรื่องราวอีกมากมายและน่าค้นหา  คนอื่นอาจมองว่าคุณเป็นคนประหลาด  ชอบล้อเลียนคุณ  แต่โชคดีที่มันจะเกิดขึ้นแค่นั้น  เพราะเขารู้ดีว่าถ้าคุณเอาจริงขึ้นมาคุณจะน่ากลัวมาก  เพราะคุณมุ่งมั่น  มีความคิดเป็นแบบฉบับของตัวเอง  และพัฒนามันอยู่เสมอ

อาชีพ : นักปรัชญา  นักค้นคว้า  นักวิจัย

.

แบบG  ผู้รักสงบ

คุณคือคนที่พร้อมเสมอสำหรับการช่วยเหลือคนรอบข้าง  ขอเพียงแค่บอก  ธรรมชาติจองคุณคือผู้ให้  คุณเป็นคนจิตใจดี  มีน้ำใจ  และช่วยเหลือใครๆได้โดยไม่หวังผลตอบแทน  คนอื่นๆ มองว่าคุณเป็นนักเจรจาต่อรองและประนีประนอมที่ดี  แต่จริงๆแล้วคุณไม่เพียงทำได้ดี  คุณเก่งกาจในเรื่องนี้เลยทีเดียว

อาชีพ : ผู้นำศาสนา  ที่ปรึกษา จิตแพทย์ ครูแนะแนว

.

แบบH  คนมุ่งมั่น

คุณคือคนที่สามารถนั่งทำงานยากๆ ที่คนอื่นปฏิเสธได้ทั้งวัน  ถ้าลงมือทำอะไรแล้วมันต้องเสร็จสิ้นเสมอ  แต่จะสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่อง  ใครๆ มองว่าคุณโอเว่อร์  บ้างาน  และไม่รู้จักหาความสุขให้ชีวิต  แต่คุณตอบตัวเองได้ว่าการทำอะไรให้แล้วเสร็จเป็นความสุขของชีวิต  คุณมีความสามารถในการจัดการสิ่งต่างๆ  และไม่อายที่จะนำเสนอ  หากเห็นว่าความคิดของคุณเป็นตัวเลือกที่อาจจะดีกว่า

อาชีพ : นักธุรกิจ  ผู้จัดการ  นักวางแผน

.

แบบI  นักฝัน

คุณนั่งอยู่กับความคิดของตัวเองได้ทั้งวัน  สำหรับคุณแล้วจินตนาการสำคัญกว่าความรู้  หรืออาจจะสำคัญกว่าทุกสิ่ง  บางครั้งคุณเผลอยิ้มคนเดียว  คุณมีไอเดียดีๆ เสมอ แต่ทุกครั้งมักจะไม่ได้จดบันทึกไว้เพราะคิดว่าจะจำมันได้ คนอื่นมองว่าคุณมีโลกส่วนตัวสูงสุดกู่  ซึ่งมันจริง  อย่าถามถึงระเบียบวินัย  คุณไม่มีมันเลย

อาชีพ : นักเขียน  นักแสดง  อาชีพในวงการบันเทิง

.

จะเห็นได้ว่าแม้แบบทดสอบนี้จะไม่ได้บอกไว้ตรงๆ ว่าคุณเหมาะสมกับการเป็นตำรวจหรือไม่  แต่ผมเชื่อว่าเมื่อได้ผลลัพธ์ออกมาแล้วว่าคุณเป็นคนประเภทไหน  ลองเอาไปเปรียบเทียบกับลักษณะงานของตำรวจดู  คุณก็จะรู้เองครับว่าคุณเหมาะสมกับการเป็นตำรวจหรือไม่

.

อย่างไรก็ตาม  แบบทดสอบเดียวอาจยังไม่สามารถกำหนดความเป็นไปต่างๆ ได้

ขอแนะนำให้ลองเข้าไปค้นหาจาก google เกี่ยวกับแบบทดสอบตามทฤษฎีการเลือกอาชีพของ จอห์น แอล ฮอลแลนด์ (John Lewis Holland) นักจิตวิทยาชาวอเมริกันจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) หรือแบบทดสอบของนักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบแบบทดสอบเพื่อบอกความถนัดในการประกอบอาชีพท่านอื่นๆ เช่น ฟิลลิป  คาร์เตอร์ (Phillip Carter) ดูอีกชั้นหนึ่ง

คราวนี้แหล่ะครับ  เราน่าจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้อย่างค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าเราสมควรที่จะเป็นตำรวจจริงๆ หรือไม่

ถ้ายังมั่นใจ  ติดตามบทความต่อๆ ไปได้เลยครับ  ซีรีย์ชุดนี้จะทำให้คุณสมปรารถนา

.

###

-นิ้วกลาง-

###

5/19/2558

ส่งกระจก มองตา หาคำตอบ

:::‪#ซีรีย์‬"#โตขึ้นผมจะเป็นตำรวจ‬":::

:::‪#2nd‬:::

:::‪#ส่องกระจก-#มองตา-#หาคำตอบ:::

.

อย่าหลอกตัวเองนะครับ  ถามตัวเองแบบตรงไปตรงมาเลยว่าหน้าอย่างเราเหมาะที่จะเป็นตำรวจจริงๆ รึเปล่า   หรือมันเป็นเพียงแค่ความอยากเฉยๆ

ต้องแยกให้ออกระหว่างสิ่งที่ใช่กับสิ่งที่ชอบ  อย่าให้ความตั้งใจที่จะเป็นตำรวจกลายเป็นเพียงความอยากชั่วครั้งหรือเป็นพลังชั่วคราว  เพราะหลังจากนี้ไปวิถีชีวิตของเราในบางเรื่องจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้มาซึ่งการเป็นตำรวจ

จริงอยู่...  สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดสอบตำรวจทุกปีและเปิดรับในจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 คนเสมอ  แต่ถ้าคิดตามอัตราส่วนจากจำนวนผู้สมัครหลักเกือบแสนแล้วเราจะพบว่า  ในทุกๆปีจะมีผู้สมหวังเพียงแค่จำนวนน้อยนิด

จากสถิติ 3 ปีล่าสุดจะพบว่า

ในปี 2556 เปิดรับ 1,593 อัตรา  แต่มีผู้สมัครมากถึง 58,127 คน  อัตราการแข่งขัน 1 ต่อ 36 คิดเป็น 2.74%

ปี 2557 เปิดรับ 6,800 อัตรา สมัคร 97,537 คน อัตราการแข่งขัน 1 ต่อ 14 คิดเป็น 6.97%

และล่าสุดปี 2558 เปิดรับ 5,000 อัตรา สมัคร 83,004 คน อัตราการแข่งขัน 1 ต่อ 16 คิดเป็น 6.02%

เป็นไงครับ  ปาดเหงื่อเลย ...

.

ถ้าหากเรายังยินดีอยู่กับการเที่ยวเล่นสนุกสนาน  เล่นเนท  ดูหนัง  ฟังเพลง  หรือใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระอื่นๆ ตามประสาวัยรุ่นอยู่  รับรองเลยว่าคนจำนวนไม่เกิน 7% ในการสอบครั้งต่อไป  จะไม่ใช่เราแน่

หากจะเป็นเรา...  จากนี้ต่อไปชีวิตจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิถีเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่สมรภูมิการแข่งขันอันโหดร้ายข้างต้น

ถามตัวเองครับ  ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหน  มันใช่เราจริงๆ รึเปล่า

ถ้าในอีก 3-6 เดือนจากนี้ต่อไป  เราจะต้องหันหลังให้กับความสนุกสนานเพื่อหันหน้าให้กับตำราและการเตรียมความพร้อมอื่นๆ  เราจะทำได้เป็นอย่างดีเพื่อจุดมุ่งหมายคือการรับราชการตำรวจ (และให้คนด่า) ได้หรือไม่

.

หากยังไม่แน่ใจและกลัวว่าการส่องกระจกอาจจะทำให้เราหลอกตัวเอง  ผมขอแนะนำให้ถอยห่างออกมาจากกระจกสักเล็กน้อยและลองหันไปเลือกโซฟาทั้ง 9 ตัวที่ผมเตรียมมาให้ข้างล่างนี้แทนก่อนครับ  เผื่ออะไรๆ จะชัดเจนขึ้น

ออกตัวก่อนว่า ผมเคยได้การส่งต่อแบบทดสอบทางจิตวิทยานี้มาจากทางไลน์  ไม่ได้คิดขึ้นเอง  ใครเป็นผู้จัดทำ  หรือรู้ว่าใครจัดทำช่วยชี้แนะด้วยครับ

เชิญเลือกที่นั่งตามอัธยาศัยครับ


.

###

-นิ้วกลาง-

###

5/18/2558

เป็นตำรวจให้คนด่า

:::#ซีรีย์"#โตขึ้นผมจะเป็นตำรวจ":::

:::#1st:::

:::#เป็นตำรวจให้คนด่า:::

.

อาจเป็นอะไรที่ดูมองโลกในแง่ลบไปหน่อยนะครับ  แต่ผมกล้ายืนยันในฐานะที่เป็นตำรวจมา 10 กว่าปีแล้วว่าเรื่องนี้เป็นความจริงที่สุด  และเป็นของคู่กันกับความเป็นตำรวจซะยิ่งกว่า นกคู่ฟ้า ปลาคู่น้ำ

.

ตำรวจเป็นอาชีพที่ใครหลายๆคนบอกว่าต้องคำสาป  ไม่ว่าจะทำดีแสนดีขนาดไหนก็จะได้แค่เสมอตัว  แต่ถ้าหากลองเผลอไปทำชั่ว(แล้วมีคนรู้นะ)ดูสิครับ  รับรองว่าย่อยยับ

ไม่ต้องดูอะไรมาก  เอาแค่เรื่องใกล้ๆตัว  แม้แต่ใน facebook ของผมเองก็แทบไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่เห็นคนด่าตำรวจ(ทั้งๆที่มันมีผมเป็น friend ด้วยนะ)

ทุกวันนี้หากเราลองเข้าไปในหน้าแฟนเพจของ youlike แล้ว  จะพบเลยว่าคลิปตำรวจเป็นอะไรที่ขายดีมาก  ยอดเข้าชม  ยอดกดไลค์  หรือยิ่งไปกว่านั้นคือยอดคอมเมนต์จะพุ่งสูงมาก  ประเด็นที่ว่าคลิปนั้นๆ เป็นเรื่องที่ตำรวจทำไม่ถูกต้องจริงๆ หรือแค่ทำไม่ถูกใจใครบางคนหรือไม่  ไม่ใช่สาระสำคัญ  ขอเพียงแค่คนในคลิปเป็นตำรวจ  หรือแม้แต่มีตำรวจ(หรือชายไทยแต่งกายคล้ายตำรวจ)เดินหลงทางผ่านเข้ามาในกล้องแค่แวบเดียวก็ตาม  สาวก youlike ก็พร้อมที่จะประเคนคำด่าใส่ด้วยถ้อยคำแสนบาดใจ

การโดนด่าของตำรวจนั้นไม่ใช่ว่าจะด่ากันแต่เรื่องลบๆ อย่างเดียว  แม้แต่เรื่องบวกๆ อย่างตำรวจปลูกต้นไม้  ตำรวจร้องเพลงเปิดหมวกเอาเงินไปช่วยน้ำท่วมหรือเด็กยากไร้  หรือแม้กระทั่งตำรวจทำคลอดฉุกเฉินก็ยังไม่วายมีคนด่า  บางทีผมถึงกับทึ่งในความสามารถของคนพวกนี้  ไม่รู้ไปเรียนจบอะไรมาถึงได้อุตส่าห์มองเห็นความเลวของคนที่ทำอะไรดีๆ กระทั่งเอามาด่าเป็นเรื่องเป็นราวกันได้

.

อันที่จริงศาสตร์แห่งการด่าตำรวจนี่มีอยู่ทั่วโลก  ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคหรือซีกโลกไหน  ต่อให้เป็นหน่วยตำรวจที่ได้รับความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการทำงานสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกอย่าง NYPD (New York Police Department) ก็ยังหนีไม่พ้นศาสตร์นี้  ถ้าไม่เชื่อลองเปิด youtube แล้วค้นหาคำว่า NYPD ดู ... รับรองคุณจะได้เห็นคลิปที่ตำรวจทำอะไรๆ แล้วโดนด่า ... อย่างจุใจ  ถ้าหากภาพและเสียงยังไม่โดนตา  ขอให้ลงไปอ่านต่อคอมเมนต์  รับรองว่าจะโดนใจไม่ต่างจากบรรยากาศในเว็บหรือคลิปของประเทศเรา

.

สาเหตุที่ตำรวจต้องถูกด่านั้นสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆว่า  นั่นเป็นเพราะลักษณะงานของตำรวจคือการบังคับใช้กฎหมาย  และไอ้กฎหมายที่บังคับนี่ก็ไม่ได้เอาไปใช้บังคับปลาโลมาที่ไหน  มันใช้สำหรับบังคับประชาชนในรัฐ

เมื่อตำรวจทำงานของตำรวจ  ย่อมหมายถึงว่าต้องมีคนถูกตำรวจบังคับ  ธรรมชาติของมนุษย์ไม่ชอบให้คนอื่นที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่มาบังคับ  ขนาดพ่อแม่ยังบังคับไม่ได้เลยสมัยนี้...

พอรัฐไปกำหนดว่าตำรวจมีหน้าที่ไปบังคับคนอื่น  มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ตำรวจจะต้องถูกเกลียดชัง  และการเกลียดชังเช่นว่านั้นก็ถูกแสดงออกมาจากคนที่เกลียดโดยทางทวารที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด  นั่นก็คือ ‘ปาก’ และเราเรียกความเกลียดชังที่ถูกแสดงออกมาทางปากนั้นว่า ‘การด่า’ (แหม่...อธิบายที ผมนี่ใส่แว่นหนาเตอะ ... ดูเป็นนักวิชาการด้านการด่ามาก)

.

สำหรับใครที่กำลังคิดอยากเป็นตำรวจ  ไม่ต้องไปนึกถึงเครื่องแบบ  รายได้  ความตื่นเต้นท้าทาย  หรืออะไรบวกๆ ทั้งหลาย  ไอ้ของเหล่านั้นมันเป็นสิ่งที่เราชอบครับ  เป็นแง่มุมของความสุข  เราจะได้พบเจอกับมันอย่างแน่นอนในชีวิตของการเป็นตำรวจ

แต่โปรดลองนึกถึงเรื่องลบๆ ง่ายๆ เพียงเรื่องเดียวที่จะต้องเจอแน่ๆ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาสู่ความเป็นตำรวจ นั่นก็คือ การถูกด่า

ลองนึกดูว่าเราจะสามารถอดทนกับความไม่มีเหตุผลง่ายๆ ข้อนี้ของสังคมนี้ได้รึเปล่า
หากคิดว่ายอมไม่ได้  ไม่มีใครในโลกที่มีสิทธิด่ากู ... บอกได้เลยครับว่าอาชีพตำรวจไม่เหมาะกับคุณ  หรือถ้าจะทู่ซี้ลองเป็นตำรวจให้คนด่าดูเล่นๆ สักปีสองปีเผื่อภูมิคุ้มกันจะดีขึ้นก็ตามใจ

แต่บอกไว้ก่อนว่า ที่ท่องกันสมัยเรียนอนุบาลว่า ท.ทหารอดทน  ... พอมาเป็นตำรวจแล้วให้ท่องใหม่เลย

“ต.ตำรวจ ต้องอดทนกว่า”

.

###

-นิ้วกลาง-

###

+

+

+

บทความในซีรีย์ #โตขึ้นผมจะเป็นตำรวจ เขียนขึ้นเพื่อเป็น guideline ให้กับน้องๆที่อยากเป็นตำรวจหรือกำลังจะสอบตำรวจนะครับ วางแผนว่าจะเขียนเป็นตอนๆประมาณ 40 ตอน และจะโพสต์ลง 4 ที่ คือ ใน facebook ส่วนตัว , ใน เพจ นิ้วกลาง​ ใน เพจ EnCop ติวสอบเข้านายสิบตำรวจ​  และใน blog http://nuiklang.blogspot.com

เนื้อหาจะพูดถึงการสอบในแง่มุมต่างๆ ทั้งเรื่องการเตรียมตัว การสอบ ไปจนถึงการเป็นตำรวจ

อยากให้น้องๆติดตามกัน บทความในซีรีย์นี้ไม่มีข้อสอบ แต่จะทำให้น้องสอบติดได้เป็นตำรวจสมใจทุกคนแน่นอน เพราะพี่กลั่นออกมาจากใจจริงๆ ไม่อยากไม่พลาดครับ สัญญาว่าจะเขียนไม่ยาวมากในแต่ละตอน เพราะน้องส่วนมากเป็น Gen Y ต่อเนื่องถึง Gen Me ... ยาว ไม่อ่าน

ขอบคุณครับ

###

-นิ้วกลาง-

###

5/07/2558

ขีดๆเขียนๆ

::ขีดๆเขียนๆ::


ในช่วงที่ผ่านมา มักจะมีเพื่อนๆ inbox เข้ามาถามผมเกี่ยวกับการเขียนเรื่องราวต่างๆลงในเฟสบุค  บางคนใช้ความเป็นกันเองถามอย่างตรงไปตรงมาว่าผมเขียนไปทำไม เขียนให้ได้อะไรขึ้นมา บางคนเลยเถิดไปถึงขั้นเข้าใจว่าผมอยากดัง

ผมบอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยใส่ใจกับความคิดเห็นที่ประกอบขึ้นจากความไม่เข้าใจเจตนารมย์ในการเขียนเหล่านั้น  แต่หลายครั้งก็อดไม่ได้ที่จะเก็บบางคำพูดมาคิดตาม สงสัยตัวเองเหมือนกันครับว่าทำไมถึงต้องมาเขียนอะไรๆให้คนอื่นอ่านแบบนี้

ตัดประเด็นเรื่องความอยากดังออกไปก่อนนะครับ  ผมไม่ใช่ประทัด  บอกตามตรง(อีกครั้ง)ว่าถ้าอยากดัง ผมไปเป็นดารานานแล้ว (ถุย)

.

มีคนเคยกล่าวไว้ว่าการจะเป็นนักเขียนที่ดีได้ต้องเป็นนักอ่านที่ดีก่อน  ผมนี่ลุกขึ้นเถียงเลย  เพราะผมเป็นนักอ่านที่ห่วยแตกมาก  เป็นโรคแพ้ตัวอักษร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอักษรที่ปราศจากอารมณ์ใดๆอย่างตำราต่างๆ หรือประมวลกฎหมายสมัยที่ยังเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ 

เกรดวิชากฎหมายสนับสนุนความจริงข้อนี้ครับ ถึงแม้จะจบมาเกรดเฉลี่ย 3 กว่า แต่เพราะวิชาประเภทศาสตร์แห่งตำรวจล้วนๆ วิชาที่เป็น Pure Law นี่ไปห่างๆ ไม่ถูกกัน

ย้อนกลับไปตอนเรียนที่คณะอักษรฯ ศิลปากร อาจารย์สอนอังกฤษบังคับให้อ่านหนังสือนอกเวลา จำได้ว่ามันเป็นเรื่องของเด็กผู้หญิงชาวญี่ปุ่นคนนึงที่หายตัวไปหรืออะไรแถวๆนั้นนั่นแหล่ะครับ แม้มันจะเป็นหนังสือเล่มบางๆภาษาอังกฤษง่ายๆ ที่ใครๆก็อ่านได้ แต่ฝันไปเถอะ สำหรับคนเกลียดการอ่านอย่างผม การประมวลเรื่องราวจากการหลอกถามเพื่อนคนนู้นทีคนนี้ทีนั้นง่ายกว่าเยอะ



เท่าที่จำความได้ ผมชอบเขียนมากกว่าชอบอ่าน

ความรู้สึกชอบเขียนของผมเกิดขึ้นพร้อมๆกับความนิยมในการเขียนไดอารีออนไลน์ของวัยรุ่นยุคนั้น  สมัยนั้นผมเริ่มต้นกับ diaryis.com (ไม่รู้ว่าตอนนี้สาบสูญไปจากโลกแล้วรึยัง) เริ่มเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันของตัวเองที่อยากเป็นทหาร-ตำรวจ  เกี่ยวกับความรักบ้าง ชีวิตในโรงเรียนปทุมคงคาบ้าง ลุกลามบานปลายมาจนถึงชีวิตนักศึกษาอักษร ม.ศิลปากร  ชีวิตนักเรียนนายสิบตำรวจ  และก็มีอันต้องเลิกเขียนไปเพราะเว็บมันล่ม (เปรตจริง - _ - ')

หลังจากนั้นเป็นช่วงที่เรียนจบนายสิบและเริ่มรับราชการพอดี Hi5 กำลังระบาดหนัก ผมเลยได้ที่เขียนใหม่ไปโดยปริยาย  Hi5 นี่แรกๆก็ดีครับ  แต่หลังๆพอเปลี่ยน Theme เปลี่ยนสีสันอะไรๆได้ก็เริ่มเลอะเทอะมากขึ้น พอ facebook มาถึงโลกของผม ความเรียบง่ายของสีขาวกับสีฟ้าก็ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกสงบมากกว่าที่จะเขียนอะไรต่อมิอะไรลงไป

ใครที่ถามถึง Blog ผมมีครับ  แต่ไม่ถนัด เพราะฉะนั้นไม่ต้องถาม

.

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า การเขียน หรือ สิ่งที่ผมเขียน มันดีมั้ย  แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือ ยิ่งผมเขียนมากเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกอยากเรียนรู้มากขึ้นเท่านั้น  

ถึงจะออกตัวว่าชอบเขียนมากกว่าชอบอ่าน แต่เผลอแพล็บเดียว กลับพบว่าผมมีหนังสืออยู่ที่บ้านเป็นพันๆเล่ม  นึกย้อนไปถึงทุกครั้งที่ต้องย้ายที่อยู่  ตั้งแต่ย้ายกองร้อยตอนขึ้นชั้นปี จนถึงย้ายที่ทำงาน ย้ายบ้าน  ผมจะต้องใช้เวลาเกือบครึ่งวันไปกับการจัดระเบียบหนังสือของผมลงลังที่หามาสำหรับพวกมันโดยเฉพาะเสมอๆ  (และมันก็หนักมากกกกก) 

พวกของใช้เสื้อผ้านี่ไม่ถนอม หายไปแตกหักไปหาใหม่ได้ แต่หนังสือนี่ใครทำยับ เคือง ... ใครที่เปิดหนังสือให้มันแแบะๆ หรือแบบเปิด-วาง-รีด ผมนี่อยากจะฆ่าแม่ง

.

น่าแปลก  ที่ความชอบเขียน ทำให้ผมกลายเป็นคนชอบอ่านแบบไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่ผ่านร้านหนังสือ ผมต้องเดินเข้า และมักจะอดไม่ได้ที่จะซื้ออย่างน้อย 1 เล่มติดมือออกมา สาวๆท่านใดมีโอกาสเดินห้างกับผม ถ้าอยู่ดีๆผมหายไป ไม่ต้องโทรตามนะครับ เปลืองตังค์ เดินเข้าไปหาในร้านหนังสือ รับรองเจอตัวแน่นอน  

ใครที่ห้ามผมเข้าร้านหนังสือหรือซื้อหนังสือ  ขอแนะนำให้ไปห้ามสายน้ำให้หยุดไหลจะง่ายกว่า (แหม่ ... คมกริบ)

.

ตอนนี้ผมกลายเป็นคนรักการอ่านไปแล้ว แม้ไม่รู้ว่านักเขียนกับนักอ่านอะไรเกิดก่อนกัน  แต่ถ้าไม่มีนักหนึ่ง อีกนักหนึ่งก็ไม่เกิด ถึงจะเกิดก็ไร้ค่า  แต่สิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบจากการเป็นคนชอบเขียนก็คือ ผมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเป็นกรวยอันนึง ที่ทำหน้าที่บีบความคิดดีๆจากเรื่องที่ผมเคยอ่าน ลงไปในแก้วใบหนึ่งของคนที่กำลังจะได้อ่านเรื่องที่ผมเขียน

หลายครั้ง (ส่วนมากซะด้วย) ยอมรับว่าเขียนโดยอาศัยแรงบันดาลใจจากบทความของคนอื่นๆ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีนักเขียนคนใดในโลกที่ไม่เคยอ่านหนังสือของคนอื่น หรืออ่านแล้วไม่จดจำเรื่องดีๆมาเขียนใหม่ด้วยภาษาของตัวเอง

การอ่านจากหนังสือของคนอื่นเล่มเดียวแล้วเอามาเขียนใหม่อาจถูกเรียกว่าการลอก แต่การอ่านจากหนังสือของคนอื่นหลายๆเล่มแล้วเอามาเขียนใหม่ ผมถือว่ามันเป็นการสร้างสรรค์ที่เกิดจากการค้นคว้า

.

เหนืออื่นใด ผมกำลังเริ่มรู้สึกว่าการเขียนกำลังเริ่มจะสร้างความสุขแปลกๆอย่างหนึ่งให้กับผม

รูปถ่ายที่ผมแนบมากับบทความนี้ คือรูปถ่ายที่เพื่อนคนหนึ่งใน facebook  ซึ่งรู้จักกันผ่านสิ่งที่ผมเขียน ส่งมาให้  เธอเอาบทความที่ผมขียนและรวมเล่มไปอ่านในชีวิตช่วงว่างของเธอ

ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าผมมีความสุขที่เห็นภาพนี้

ถึงแม้การเขียนจะยังไม่ได้สร้างรายได้ให้ผมอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ผมรู้สึกว่าผมกำลังได้อะไรมากกว่ารายได้... และที่สำคัญคือผมไม่เคยคาดหวังมันเลย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มเขียน 

แค่มีคนอ่านเรื่องที่ผมเขียนก็มีความสุขระดับหนึ่งแล้ว แต่ถึงขั้นมีคนยอมจ่ายตังค์เพื่ออ่านมัน ก็คิดเอาเองว่ามันจะรู้สึกไปถึงระดับไหน (หน้าเลือดนั่นเอง)

.  

การอ่านทำให้ใครหลายๆคนมีความสุข แต่คงจะดีกว่าถ้าเราแบ่งปันความสุขนั้นให้คนอื่นๆได้ด้วยการเขียน

ผมเชื่อว่าชีวิตทุกคนมีความไม่ธรรมดาในตัวของมันเอง 

เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเรื่องบางเรื่องของเราอาจช่วยฉุดกระชากคนบางคนให้ขึ้นมาจากห้วงแห่งความหลงผิดหรือความทุกข์ได้ จนกว่าเราจะลองเขียนบทความดีๆสักเรื่องหนึ่งขึ้นมา

ที่เขาว่ากันว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อย นั่นอาจเป็นเพราะยังมีคนที่คิดดีๆทำดีๆเพียงส่วนน้อยที่เขียนหนังสือดีๆให้คนได้อ่านก็เป็นได้ (จะจริงหรือไม่จริงทางสถิติก็ช่างมันเถอะ ผมเขียนเอาเท่)

.

เขียนเถอะครับ...แล้วคุณจะพบความสุขแปลกๆอย่างที่ผมพบ

.

ฝากไว้อีกเรื่อง ถ้าเราเขียนอะไรยาวๆ แล้วมีคนมาโพสต์ว่า "ยาว!ไม่อ่าน!" หรืออะไรแถวๆนั้น ให้นิ่งเสีย เพราะคนพวกนั้นกำลังบอกโลกรับรู้ถึงคุณภาพของเขาอยู่  

มันเป็นเรื่องของเขากับโลก

มันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องเข้าไปยุ่งหรือใส่ใจ

###

-นิ้วกลาง-

###