ช่วงนี้ที่ รร.นรต. มีฝึกซ้อมการสวนสนามวันตำรวจครับ
มีหน่วยงานตำรวจจากทั่วประเทศมาสนธิกำลังกันเรี่ยราด...
ผมได้เห็นศักยภาพของกำลังพลแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วก็รู้สึกว่า...มันมีอะไรบางอย่าง
ตำรวจเราเป็นหน่วยงานระดับ "กรม" ที่มีขนาดใหญ่โตเกินตัว เรียกว่าบ้านหลังเล็กๆหลังเดียว แต่จำนวนคนในบ้านนั้นมีเท่ากับคนทั้งตำบล
ด้วยกำลังพลจำนวนมหาศาลกว่า 230,000 คน มากกว่ากำลังพลของทุกกระทรวง(ยกเว้นกระทรวงกลาโหม)รวมกัน
ถ้าจะเอาข้าราชการพลเรือนทั้ง 18 กระทรวงมาใส่เครื่องบิน เปรียบเทียบจำนวนคนกันดู ใช้แค่ c-130 ก็คงพอ แต่ถ้าจะใส่ตำรวจทั้งประเทศ ผมไม่แน่ใจว่า Airbus A380 จะใส่หมดรึเปล่า
ด้วยความที่เป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ แต่ฐานะกระจ้อยร่อย ความพยายามที่จะให้ตำรวจขยายฐานะเป็นมากกว่า "กรม" จึงเกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย...
ถึงขนาดเคยมีการจะตั้ง "กระทรวงตำรวจ" ขึ้นอีกกระทรวงนึง
แต่ผู้หลักผู้ใหญ่(โง่ๆ)บางคนในประเทศ กลับมีแนวคิดโอนย้ายตำรวจให้มาอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหม แล้วตั้งชื่อใหม่เป็น "กองทัพตำรวจ"
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ เพราะ "กลาโหม" เป็นกระทรวงความมั่นคง มีหน้าที่ปกป้องประเทศ รบกับข้าศึกศัตรูภายนอกประเทศ หรือกองกำลังอันเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
แต่งานตำรวจเป็นงานรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายภายในราชอาณาจักร ซึ่งก็คือประชาชนที่หลงผิด เขาเหล่านั้นเป็นญาติพี่น้องของประชาชนคนธรรมดาทั่วๆไป ฉะนั้นแล้วถ้าจะให้ตำรวจไปอยู่กับกลาโหม ... ตำรวจก็คงต้องมี concept ใหม่ คือ "รบ"กับประชาชน...
ย้อนกลับมาที่ความพยายามสถาปนา "กระทรวงตำรวจ" กันอีกครั้ง ถ้าหากความพยายามนี้สัมฤทธิ์ผล ตำรวจก็จะใหญ่คับฟ้า ข้ามหน้าข้ามตา"ทหาร"พี่เบ้มตลอดกาล
เพราะ "กองทัพ" มีฐานะเป็น "กรม" เช่นเดียวกัน ถ้ากรมตำรวจเป็น "กระทรวง" กองบัญชาการต่างๆอาทิ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธร กองบัญชาการสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ก็จะมีฐานะเป็น "กรม"
ตำรวจจะมีกรมของตัวเองทันทีอีก 23 กรม เท่ากับว่าตำรวจมีกองทัพอยู่ในมือ 23 กองทัพ โดยบารมี...จะใหญ่โตคับฟ้ากว่าทหารถึง 23 เท่า...
ถ้าผมเป็นทหาร...ผมก็ไม่ยอม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตชด. จะถูกยกฐานะขึ้นเป็น กรมตำรวจตระเวนชายแดน ... พ่อเจ้า ... แค่ชื่อก็บอกแล้วว่า จะไปทับเส้น ไปแย่งหน้าที่ใคร...
ฉะนั้นแล้ว...เราเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกรมเล็กๆแต่อบอุ่นอย่างนี้แหล่ะ ... ดีแล้วครับ
แต่มันก็ป็นอาถรรพ์อย่างหนึ่งเหมือนกัน ที่เจ้าบ้านของเรามักมีอันเป็นไปก่อนกาลอันสมควร ...
ตั้งแต่เปลี่ยนจาก "กรมตำรวจ" มาเป็น "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ไม่เคยมี "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" คนใดที่อยู่ในตำแหน่งจบครบวาระเกษียณ
มีอันต้องโดนพิษ "การเมือง" เล่นงานกันทุกรายไป...
และรายล่าสุดสดๆร้อนๆ ท่าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่หนีไม่พ้นอาถรรพ์นี้
เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ท่านก็ต้องเกษียณอายุราชการด้วยการเป็นแค่ "คนธรรมดาๆ" คนนึง
คนทั้งประเทศรู้ที่มาที่ไป รู้ว่าทำไมท่านถึงต้องพบเจอกับชะตากรรมอุบาทว์ๆ
โรงเรียนนายร้อยตำรวจก็รู้...เช่นเดียวกันที่ประชาชนคนทั้งประเทศรู้ จึงได้ฝ่าฝืนกฎมณเฑียรบาล จัดพิธีสวนสนามเนื่องในวันเกษียณอายุราชการให้แก่ท่าน...ด้วยความอาลัยยิ่ง ...ถ้าพูดกันภาษาชาวบ้าน "ด้วยความสงสารและเห็นใจ"
ทำไมผมจึงบอกว่า "ฝ่าฝืนกฎมณเฑียรบาล"?
เพราะตามระเบียบแล้ว พิธีสวนสนามเกษียณอายุราชการนั้น จะต้องจัดให้แก่ประธานที่จะเกษียณโดยที่ต้องอยู่ในตำแหน่ง ณ วันที่เกษียณ
แต่ท่านพัชรวาทได้ลาออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว หลังจากที่ ปปช. ชี้มูลความผิดกรณี 7 ตุลาคม ตัดสินว่าการเข้าสลายการชุมนุมของตำรวจเป็นความผิด
((เรื่องนี้อีกเรื่องที่อยากจะเขียน...เอาไว้มีโอกาสจะเขียนให้อ่านกัน ให้น้ำตาไหลพรากๆ))
ครับ...ฉะนั้นแล้วเท่ากับว่า รร.นรต.สวนสนามให้กับคนธรรมดาๆที่จะเกษียณอายุราชการ ซึ่งในระเบียบไม่เกี่ยวกับคดี ในกฎกระทรวง ในพระราชกฤษฎีกา ... ไม่มี ... และไม่สามารถกระทำได้
เรียกได้ว่าการสวนสนามให้ท่านนั้น "ผิดระเบียบ...แต่ถูกใจ"
มันสะท้อนถึงอะไรครับ ... มันสะท้อนถึงการที่สังคมไทยเริ่มไม่สนใจระเบียบและความถูกต้องกันแล้ว
ตำรวจทำหน้าที่...ตำรวจผิด
คนก่อความไม่สงบ ชุมนุมโดยมีและใช้อาวุธ(ไม่ต้องมาหน้าด้านตอแหลว่าชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ไอ้กระบี่กระบอง ปืนพก ระเบิดมือ ที่พวกมึงถืออยู่ บ้านพ่อมึงไม่เรียกอาวุธหรือไง คนเค้าเห็นกันทั้งประเทศยังหน้าด้านได้อีก...)...ไม่มีความผิด เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
ในเมื่อสังคมไทยไร้ยางอาย คนดีกลับเป็นคนเลว คนชั่วช้ากลับเป็นวีรบุรุษ
กะอีแค่ อยากจะสวนสนามให้คนธรรมดาๆ ... ทำไมตำรวจจะทำไม่ได้
จริงมั้ยครับ?
การสวนสนามวันตำรวจ 13 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ แม้ว่าเรายังจะไม่รู้ว่า ใครจะเป็นประธานในพิธี หรือว่าจะเรียกประธานในพิธีว่าอะไร...
แต่ตำรวจทั่วประเทศก็พร้อมใจแสดงศักยภาพให้ปรากฎทั่วกัน
ถึงเราจะเป็นแค่กรมเล็กๆ แต่เราเล็กแค่ฐานะ...ศักยภาพของตำรวจไทยมีมากกว่าตัวตนที่เราเป็นอยู่
ถ้าการเมืองรังแกตำรวจมากเกินไป ...
เราอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการเมือง ...
แล้วคิดดูว่า ถ้าการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีตำรวจเป็นกลไกในการปกครองบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายการเมือง ... แล้วประเทศชาติจะเป็นยังไง
และอย่าดูแคลนประมาทฝีมือ...
ตำรวจทั้งประเทศมีกี่คน
แต่ละคนมีปืนกี่กระบอก
แต่ละคนมีความรู้ความสามารถแค่ไหน
ที่แล้วมา เขาใช้ "รถถัง" เปลี่ยนแปลง เพราะ "รถถัง" คือสิ่งบ่งบอกแสนยานุภาพของผู้เปลี่ยนแปลง
ตำรวจไม่มีรถถัง มีแต่คน...
"การเปลี่ยนแปลงโดยตำรวจ" ไม่จำเป็นต้องใช้รถถัง
แค่ตำรวจแต่ละคน แต่งเครื่องแบบเดินออกมาจากโรงพัก...ขึ้นรถเข้ากรุงเทพพร้อมๆกัน...
สถานีตำรวจทุกตำบล ทุกอำเภอ ไม่มีตำรวจ...
"บ้านเมืองก็เปลี่ยนแปลงแล้ว"
...ศักยภาพของตำรวจไทย ไม่ใช่แค่ระดับ "กรม"...
1 ความคิดเห็น:
ฮืม เป็นบทความที่น่าสนใจ ... จะติดตามอ่านต่อไปครับ four direction // rpcacommander
แสดงความคิดเห็น